DAY 29: 1 เล่ม 1 บทเรียนเปลี่ยนชีวิต
ผมเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะแนวไหน อย่างไร อ่านได้หมด ทั้งพัฒนาตัวเอง การเงิน จิตวิทยา การตลาด การเมือง กีฬา วรรณกรรมเยาวชน นิยายไทย นิยายฝรั่ง รวมไปถึงกำลังภายใน และอื่นๆ
นอกจากชอบอ่านแล้ว ผมยังรักที่จะทำงานกับหนังสืออีกด้วย ทั้งงานเขียน งานแปล งานบรรณาธิการ จนมาถึงการเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ เรียกได้ว่า เวลาทุกช่วงของชีวิตผม มีหนังสือเป็นเพื่อนเสมอ
ไม่เพียงแต่อ่านเองรู้เองเท่านั้น … ผมมักจะแนะนำคนรอบตัวให้อ่านหนังสืออยู่เสมอ ด้วยรู้สึกปรารถนาดี อยากให้คนที่เรารู้จัก หรือคนที่เรารักได้อ่านหนังสือดีๆ เหมือนกันกับเรา
และทุกครั้งที่แนะนำหนังสือให้อ่าน ผมก็มักจะพูดบอกอยู่เสมอว่า “เมื่ออ่านจบ ให้ลองหยิบเรื่องดีๆ หรือมุมคิดดีๆ ในหนังสือ ไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองดู”
เพราะความจริงข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ “คนเรานั้นแม้จะอ่านหนังสือเยอะ หรืออ่านได้มากแค่ไหน แต่หากไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่อ่าน หรือนำไปปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ก็ถือว่ายังไม่ได้อ่านนั่นแหละ”
ยิ่งอ่านเยอะ รู้แยะ แต่ไม่ได้เอาไปใช้เลย อันนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะรู้แล้วไม่ทำ ก็มีค่าเท่ากับยังไม่รู้
ครั้งหนึ่ง ผมไปบรรยายที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จำได้ว่าขณะรถที่มารับวิ่งผ่านสี่แยกใหญ่ก่อนเข้าสู่ตัวเมือง มีป้ายขนาดใหญ่อันหนึ่ง แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเทพฯ พร้อมข้อความที่ท่านเคยตรัสพระราชทานให้ไว้ เป็นตัวหนังสือขนาดใหญ่ เขียนไว้ว่า
“หนังสือเปลี่ยนชีวิตคนเราได้”
อ่านจบแล้วรู้สึกปิ๊งกับประโยคดังกล่าวและเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า “จริง”
เพราะทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม หากเราลองสรุปบทเรียนที่ได้จากหนังสือ ทั้งเล่มเอาแค่เรื่องเดียวบทเรียนเดียวก็พอ (1 Book 1 Lesson) ที่คิดว่า “ชอบ” หรือ “รู้สึกดี” ที่เน้นว่าให้เลือกที่เราชอบ เพราะเมื่อชอบหรือรู้สึกดี ก็จะอยากเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้พบจากการหยิบบทเรียนดีๆ จากหนังสือมาปรับใช้กับชีวิตก็คือ เวลาทำจริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ประเภททำปุ๊บได้ปั๊บ อันนั้นมันในการ์ตูน ในชีวิตจริงมันมีเรื่องที่ต้อง “เรียนรู้” เพิ่มเติม เวลาลงมือทำอีกเยอะเลย
ยกตัวอย่าง หนังสือเล่มหนึ่งที่ผมได้อ่านตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เป็นเล่มที่ชอบมาก เพราะเป็นพื้นฐานการเงินง่ายๆ อ่านแล้วปฏิบัติตามได้ทันที นั่นคือ The Richest Man in Babylon จำได้ว่าเล่มนึงราคาร้อยกว่าบาท แต่อ่านแล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตการเงินของผมไปอย่างมาก
บทเรียนที่จำได้แม่นตั้งแต่อ่านครั้งแรกก็คือ “เก็บออมหนึ่งในสิบของเงินที่หามาได้ (10%)” อ่านจบผมก็เริ่มเลย หลักคิดหนะง่าย แต่พอทำจริง กว่าจะทำได้ตามตัวหนังสือ บอกเลยไม่ง่าย 555
เริ่มครั้งแรก … รอให้เหลือแล้วออม สุดท้ายทำไม่ได้ กินเรียบ
ครั้งที่สอง … หักออม 10% เอาเข้าจริง ปลายเดือนถอนมาใช้ ไม่ไหวโว้ย
ครั้งที่สาม … หักอัตโนมัติ 10% ปลายเดือนหิวโซอีกตามเคย
สุดท้าย … หักอัตโนมัติ 5% ปลายเดือนไม่เดือดร้อน ทำได้นาน
พอเริ่มเก็บ 5% ได้ ก็เริ่มมีกำลังใจ สุดท้ายก็ปรับเพิ่มเป็น 10% แล้วก็เพิ่มขึ้นๆ เรื่อย จนปัจจุบันผมเก็บได้อย่างน้อย 50-60% ของรายได้ทุกเดือน
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการประยุกต์ใช้บทเรียนจากหนังสือกับชีวิตประจำวันของผม
วันนี้อยากชวนคุณผู้อ่านทุกคนครับว่า ทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบ อย่าให้มันเป็นเพียงอีก 1 เล่มที่อ่านจบไป
แต่ขอให้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปในทางที่ดีได้ขึ้น อย่างน้อยก็อีก 1 มิติในชีวิต อาจจะเป็นด้านสุขภาพ ความสัมพันธ์ การงาน การเงิน การพัฒนาตัวเอง หรือแบ่งปันคืนสู่สังคม อะไรก็ได้
แค่ 1 BOOK 1 LESSON สำหรับหนอนหนังสือทุกท่าน รับรองได้ว่าชีวิตของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมากมาย
ว่าแล้วแชร์กันหน่อยก็น่าจะดีนะ ว่าเล่มล่าสุดที่คุณอ่าน คืออะไร และคุณหยิบบทเรียนใดจากหนังสือเล่มนั้น ไปปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้นบ้าง
#1Book1Lesson
#TheMoneyCoachTH
-------------------------------------------------------
ข้อมูลหนังสือ The Richest Man in Babylon: เขียนขึ้นในปี คศ. 1926 โดย George S. Clason ถือได้ว่าเป็นหนังสือการเงินที่ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และหลายๆ คำสอนในหนังสือ ไม่ว่าจะเป็น “7 วิธีเยียวยาถุงเงินที่ว่างเปล่า” และ “กฎ 5 ข้อแห่งทองคำ” ก็ยังคงสามารถประยุกต์ใช้ในปัจจุบันได้อย่างร่วมสมัยเลยทีเดียว
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
1book1lesson 在 Money Coach Facebook 的精選貼文
อ่านหนังสือ 1 เล่ม อย่าลืมหยิบ 1 บทเรียน ไปปรับใช้เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นนะครับ #TheMoneyCoachTH
1 เล่ม 1 บทเรียนเปลี่ยนชีวิต ...
ผมเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะแนวไหน อย่างไร อ่านได้หมด ทั้งพัฒนาตัวเอง การเงิน จิตวิทยา การตลาด การเมือง กีฬา วรรณกรรมเยาวชน นิยายไทย นิยายฝรั่ง รวมไปถึงกำลังภายใน และอื่นๆ
นอกจากชอบอ่านแล้ว ผมยังรักที่จะทำงานกับหนังสืออีกด้วย ทั้งงานเขียน งานแปล และงานบรรณาธิการ เรียกได้ว่า เวลาทุกช่วงของชีวิตผม มีหนังสือเป็นเพื่อนเสมอ
ไม่เพียงแต่อ่านเองรู้เองเท่านั้น … โดยปกติผมมักจะแนะนำคนรอบตัวให้อ่านหนังสืออยู่เสมอ ด้วยรู้สึกปรารถนาดี อยากให้คนที่เรารู้จัก หรือคนที่เรารักได้อ่านหนังสือดีๆ เหมือนกันกับเรา
และทุกครั้งที่แนะนำหนังสือให้อ่าน ผมก็มักจะพูดบอกอยู่เสมอว่า “เมื่ออ่านจบ ให้ลองหยิบเรื่องดีๆ หรือมุมคิดดีๆ ในหนังสือ ไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองดู”
เพราะความจริงข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ “คนเรานั้นแม้จะอ่านหนังสือเยอะ หรืออ่านได้มากแค่ไหน แต่หากไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่อ่าน หรือนำไปปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ก็ถือว่ายังไม่ได้อ่านนั่นแหละ”
ยิ่งอ่านเยอะ รู้แยะ แต่ไม่ได้เอาไปใช้เลย อันนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะรู้แล้วไม่ทำ ก็มีค่าเท่ากับยังไม่รู้
ครั้งหนึ่ง ผมไปบรรยายที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จำได้ว่าขณะรถที่มารับวิ่งผ่านสี่แยกใหญ่ก่อนเข้าสู่ตัวเมือง มีป้ายขนาดใหญ่อันหนึ่ง แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเทพฯ พร้อมข้อความที่ท่านเคยตรัสพระราชทานให้ไว้ เป็นตัวหนังสือขนาดใหญ่ เขียนไว้ว่า
“หนังสือเปลี่ยนชีวิตคนเราได้”
อ่านจบแล้วรู้สึกปิ๊งกับประโยคดังกล่าวและเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า “จริง”
เพราะทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม หากเราลองสรุปบทเรียนที่ได้จากหนังสือ ทั้งเล่มเอาแค่เรื่องเดียวบทเรียนเดียวก็พอ (1 Book 1 Lesson) ที่คิดว่า “ชอบ” หรือ “รู้สึกดี” ที่เน้นว่าให้เลือกที่เราชอบ เพราะเมื่อชอบหรือรู้สึกดี ก็จะอยากเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้พบจากการหยิบบทเรียนดีๆ จากหนังสือมาปรับใช้กับชีวิตก็คือ เวลาทำจริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ประเภททำปุ๊บได้ปั๊บ อันนั้นมันในการ์ตูน ในชีวิตจริงมันมีเรื่องที่ต้อง “เรียนรู้” เพิ่มเติม เวลาลงมือทำอีกเยอะเลย
ยกตัวอย่าง หนังสือเล่มหนึ่งที่ผมได้อ่านตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เป็นเล่มที่ชอบมาก เพราะเป็นพื้นฐานการเงินง่ายๆ อ่านแล้วปฏิบัติตามได้ทันที นั่นคือ The Richest Man in Babylon จำได้ว่าเล่มนึงราคาไม่ถึงร้อยบาท แต่อ่านแล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตการเงินของผมไปอย่างมาก
บทเรียนที่จำได้แม่นตั้งแต่อ่านครั้งแรกก็คือ “เก็บออมหนึ่งในสิบของเงินที่หามาได้ (10%)” อ่านจบผมก็เริ่มเลย หลักคิดหนะง่าย แต่พอทำจริง กว่าจะทำได้ตามตัวหนังสือ บอกเลยไม่ง่าย 555
เริ่มครั้งแรก … รอให้เหลือแล้วออม สุดท้ายทำไม่ได้ กินเรียบ
ครั้งที่สอง … หักออม 10% เอาเข้าจริง ปลายเดือนถอนมาใช้ ไม่ไหวโว้ย
ครั้งที่สาม … หักอัตโนมัติ 10% ปลายเดือนหิวโซอีกตามเคย
สุดท้าย … หักอัตโนมัติ 5% ปลายเดือนไม่เดือดร้อน ทำได้นาน
พอเริ่มเก็บ 5% ได้ ก็เริ่มมีกำลังใจ สุดท้ายก็ปรับเพิ่มเป็น 10% แล้วก็เพิ่มขึ้นๆ เรื่อย จนปัจจุบันผมเก็บได้อย่างน้อย 50-60% ของรายได้ทุกเดือน
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการประยุกต์ใช้บทเรียนจากหนังสือกับชีวิตประจำวันของผม
วันนี้อยากชวนคุณผู้อ่านทุกคนครับว่า ทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบ อย่าให้มันเป็นเพียงอีก 1 เล่มที่อ่านจบไป แต่ขอให้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปในทางที่ดีได้ขึ้น อย่างน้อยก็อีก 1 มิติในชีวิต อาจจะเป็นด้านสุขภาพ ความสัมพันธ์ การงาน การเงิน การพัฒนาตัวเอง หรือแบ่งปันคืนสู่สังคม อะไรก็ได้
แค่ 1 BOOK 1 LESSON สำหรับหนอนหนังสือทุกท่าน รับรองได้ว่าชีวิตของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมากมาย
ว่าแล้วแชร์กันหน่อยก็น่าจะดีนะ ว่าเล่มล่าสุดที่คุณอ่าน คืออะไร และคุณหยิบบทเรียนใดจากหนังสือเล่มนั้น ไปปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้นบ้าง
#1Book1Lesson
#TheMoneyCoachTH
-------------------------------------------------------
ข้อมูลหนังสือ The Richest Man in Babylon: เขียนขึ้นในปี คศ. 1926 โดย George S. Clason ถือได้ว่าเป็นหนังสือการเงินที่ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และหลายๆ คำสอนในหนังสือ ไม่ว่าจะเป็น “7 วิธีเยียวยาถุงเงินที่ว่างเปล่า” และ “กฎ 5 ข้อแห่งทองคำ” ก็ยังคงสามารถประยุกต์ใช้ในปัจจุบันได้อย่างร่วมสมัยเลยทีเดียว
1book1lesson 在 #1book1lesson - Explore | Facebook 的推薦與評價
1 เล่ม 1 บทเรียนเปลี่ยนชีวิต ... ผมเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะแนวไหน อย่างไร อ่านได้หมด ทั้งพัฒนาตัวเอง การเงิน จิตวิทยา การตลาด การเมือง กีฬา วรรณกรรม ... ... <看更多>