ประธานสาวบริษัทรับทาสีเชื่อมเหล็กวัย 26 เล่าประวัติตัวเอง
บ้านเป็นตระกูลเศรษฐีบริหารกิจการที่ก่อตั้งกิจการมากว่า 100 ปี
แล้วถูกส่งไปเป็นลูกบุญธรรมของป้าที่มีลูกไม่ได้
ซึ่งพ่อแม่บุญธรรมนั้นเป็นคนเข้มงวดมาก
และชอบดุว่าเราบ่อยๆ
ตอนเป็นเด็กประถม เราเรียนอะไรไม่ได้เลย
แล้วก็ถูกดุด่า ว่าทำไมของง่ายๆแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ
พอตอนขึ้นม.ต้นก็ถูกครูดุด่าเหมือนกัน
จนพ่อแม่รู้สึกว่านี่ไม่ปกติแล้ว
เลยพาไปโรงพยาบาล
แล้วพบว่าตัวเองเป็น ADHD (โรคสมาธิสั้น)
แล้วพ่อแม่ถึงรู้สึกผิดที่ดุด่าเรามาตลอด
แต่ตัวเองไม่ไหวแล้ว เลยไม่ไปโรงเรียน
ไปคบอยู่กับกลุ่มรุ่นพี่แกล
ที่มีปัญหาชีวิตคล้ายๆกัน
ซึ่งพ่อแม่ก็มาด่าว่า ไปคบคนพวกนั้นทำไม
แต่เราก็ด่ากลับ
ว่าอย่ามาดูแคลนคนสำคัญที่ให้จุดยืนกับหนู
แล้วก็ออกจากบ้านไปอยู่กับรุ่นพี่
กลับมาเฉพาะตอนไม่มีอะไรจะกิน
ท้ายสุดก็ไม่ได้สอบเข้า ม.ปลาย
มีแต่วุฒิ ม.ต้น ที่แม่ไปเอาจากโรงเรียนมาให้
----------------------------
ตอนช่วงวัยที่ควรอยู่ ม.ปลาย
ก็ใช้ชีวิตอยู่แต่กับร้านเกมอาร์เขด
แล้วพอเราไปอยู่บ่อยๆ ก็สนิทกับพนักงาน
แล้วเขาก็จ้างเรา
ได้เรียนรู้เรื่องอนิเมกับเกมการ์ดแล้วกลายเป็นโอตะ
------------------
แล้วก็ถึงวัยที่เราสอบใบขับขี่ได้
ซึ่งจังหวัด Fukui นี่ (อยู่ตอนเหนือจาก Nagoya ฝั่งทะเลเหนือ)
ถ้าไม่มีใบขับขี่จะมีปัญหาการใช้ชีวิตพอดู
และบริษัทต่างๆก็มีข้อกำหนดว่าต้องมีใบขับขี่ด้วย
แฟนตอนนั้นขับ Lancer Evolution VII
ซึ่งเรานึกว่าเป็นรถที่เสียงดังชิบหาย
แต่พอนั่งไปนานๆก็ชิน
แล้วเราก็อยากขับเองบ้าง เลยไปสอบใบขั้บขี่ manual มา
แล้วพ่อแม่ก็มาเหน็บว่า
จะสอบแบบ Manual ทำไม
จะขับรถบรรทุกเล็กเหรอ?
แถมเจ้าหน้าที่ก็เตือนแกมขู่ว่า
จะเปลี่ยนทีหลังไม่ได้นะ
ซึ่งเราก็ผ่านทดสอบขับได้
แต่เราก็มีปัญหาตอนทำข้อเขียน
คือถึงแม้เราจะเข้าใจ
แต่เราอ่านโจทย์ไม่ออกเลย
ก็เลยตอบแบบอ่านคำถามข้ามๆไป
แล้วเราก็ตกแบบมันจะต้องมีเรื่องที่เราตอบไม่ได้อยู่ 2-3 ข้อ
ซึ่งตอนนั้นเราดันกู้เงินซื้อรถไปก่อนแล้ว
ก็พยายามอีกจนในที่สุดก็สอบได้มา
ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราดีใจที่สุดในชีวิต
ว่าเราก็ทำอะไรสำเร็จได้
ซึ่งตั้งแต่ขับมา ก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย
จนได้ใบขับขี่ทองมา
(เป็นใบขับขี่มีสิทธิพิเศษ
สำหรับคนที่ไม่สร้างปัญหาจราจรเลยอย่างน้อย 5 ปี)
-------------
แต่หลังจากขับ Lancer Evo 7 ได้สักพักก็มีปัญหา
คือค่าประกันกับซ่อมบำรุงนั้นสูงมาก
เงินพาร์ทไทม์จากร้านเกมไม่พอจะจ่าย
เลยต้องไปหางานใหม่
แต่เราก็ไม่มีประวัติการศึกษา
เลยต้องไปสอบเอาใบคุณวุฒิต่างๆแทน
จนได้คุณสมบัติช่างเชื่อมเหล็กมา
เหตุที่เลือก เพราะมันเป็นอันที่ได้สอบเร็วสุด
-----------------------
ซึ่งปกติแล้ว ไม่มีสาวอายุ 19 เขาไปสอบไปเป็นช่างเชื่อมกัน
ขนาดเจ้าหน้าที่คุมสอบยังมาบอกว่า
สอบผ่านไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ
แต่เราก็ฝึกและทำผ่านมาได้
และได้ใบคุณวุฒิมา
เข้าไปทำงานบริษัทก่อสร้าง
ยกตัวอย่างงานที่ทำ
ตรวจสอบรอยรั่วโกดังเก็บน้ำมัน
คือเข้าไปในถังน้ำมันใหญ่
ใช้ Black Light ส่องพื้นหารอยรั่ว
ตรวจสอบโซ่ที่ใช้คุมเขื่อนกลางเขา
ว่าเป็นสนิมหรือเปล่า แล้วทาน้ำมันหล่อลื่น
ขนแผงโซล่าเซลยาว 4 เมตรกลางแดด
และอื่นๆ
ซึ่งหัวหน้างานนั้น เป็นคนสายพละ
ที่พอมีอะไรก็ชอบทุบตี
ขนาดใส่หมวกนิรภัยอยู่
ก็หัวแทบระเบิด
เราทนไม่ได้ เลยลาออกมา
--------------------------
หลังจากนั้นก็อยากไปทำงานซ่อมบำรุงรถยนต์
คือเราคิดไปเองว่าเราปรับแต่งรถบ่อยๆ
ก็น่าจะทำงานนี้ได้
แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับ
จนไปได้ที่หนึ่ง ที่รับซ่อมบำรุงรถบรรทุก
แล้วเขารับเราเพราะเรามีใบคุณสมบัติเชื่อมเหล็ก
แล้วไม่ได้ทำงานดูแลรถเลย
ทำแต่เชื่อมเหล็กทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมงครึ่งถึง 6 โมงเย็น
พอทำไปได้ปีนึง เราก็บอกว่า
เราไม่อยากเชื่อมรถบรรทุกแล้ว
ขอทำงานซ่อมบำรุงรถได้ไหม?
ก็เลยลาออก
แล้วก็ได้ไปเข้าอีกที่หนึ่งที่เขามีงานซ่อมบำรุงรถให้ทำ
คราวนี้เป็นงานไปลากรถที่เสียกลางทางด่วนมาซ่อมบำรุง
ซึ่งงานช่างซ่อมบำรุงนี่เงินเดือนน้อยมาก
คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นพวกคนหนุ่มสาวที่รักรถ
แต่พอไม่มีจะกินก็เลิกกันไป
แล้วหันมาเกลียดรถกันแทน
วงการเลยพูดกันว่า
ยิ่งคุณรักรถเท่าไหร่ อย่ามาทำงานนี้
เราเอายอดรายได้ขึ้น Twitter แบบลืมปิดชื่อบริษัท
แล้วมันดันดังจนคนแชร์ต่อกันขึ้นมา
หัวหน้าเลยเรียกตัวไปซักถาม
เขาบอกว่า เราไม่ต้องออกก็ได้นะ
แต่เรากลัวมาก เลยตัดสินใจออกมา
-------------------------------------
หลังจากนั้นก็เข้าบริษัทคนรู้จัก
แล้วถูกส่งตัวไปทำงานเชื่อมที่โรงงานของบริษัทรถเจ้าใหญ่แทน
เราเข้าไปตอกบัตร แล้วก็ทำงานเชื่อมรถบรรทุกทุกวัน
แต่คราวนี้เราไม่รู้สึกเกลียดเลย
และสนุกกับงานเรื่อยๆ
เพราะคนรอบๆข้างชมเราว่าเราเก่ง
จนเราลงใจอยากมาทำงานนี้เอง
แล้วตอนนั้นก็รู้ตัวแล้วว่า
เราไม่เหมาะกับงานซ่อมบำรุงเลย
เพราะตอนถอดชิ้นส่วนออก จะประกอบกลับให้เหมือนเดิมก็ไม่ได้
แต่ถึงแม้เราจะสนุกกับงาน
แต่ก็มีปัญหาความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานจนลาออกอีกรอบ
แล้วก็ไปเข้าที่ใหม่
แต่คราวนี้ไม่มีงานเลย ก็เลยออกอีกที
-----------------------------
ในช่วงนั้น เราได้เจอกับคนที่มาเป็นสามีเราใน Twitter
คือมีบริษัทขนส่งที่เพื่อนของสามีเป็นประธานอยู่
เขาชวนเรามาเข้าทำงานที่จังหวัด Niigata
(อยู่เหนือจากโตเกียว ฝั่งทะเลเหนือ)
ซึ่งตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยออกจากจังหวัด Fukui เลย
ก็เลยรู้สึกกลัวอยู่
ซึ่งบริษัทที่ว่านี้มีรถขนปูนอยู่ 4-5 คัน
มาทำงานขูดคอนกรีตที่แข็งคาอยู่ในถัง
และเชื่อมแผ่นเหล็กที่เป็นรู
ซึ่งรถแค่ 4-5 คันนี่ เราทำเสร็จได้เร็วมาก
ประธานเลยบอกให้เราไปสอบเอาใบขับขี่รถขนาดใหญ่
เรารู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ที่ตกลงกันไว้นี่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้และไปสอบเอามาได้
แล้วหลังจากนั้นก็ทำแต่งานขับรถอย่างเดียว
ไม่ได้ทำงานซ่อมบำรุงเลย
ซึ่งตัวเองนั้นเป็นคนจำทางไม่ค่อยได้
ต้องมีตัว Navigator ช่วย
แต่งานที่เราทำคือขนคอนกรีตไปที่รกร้าง
ตัว Navi เลยช่วยอะไรเราไม่ได้ และเป็นแรงกดดันอย่างมาก
แถมไปถึงแล้วงานก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
คือต้องมาบังคับคันโยกเทคอนกรีต
แล้วต้องมาล้างรถทุกวัน
ไม่เว้นวันฝนหรือหิมะตกอีกต่างหาก
แถมตอนยังล้างไม่เสร็จ
ก็จะต้องมีวิทยุเรียกตัวให้รีบไปส่งที่อื่นอีก
รุ่นพี่ก็อยู่ช่วยแค่สองอาทิตย์
นอกนั้นคือทำเองหมด
เครียดมากจนฉี่ออกมาเป็นเลือด
จะไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้
เพราะมีวันหยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว
ที่โรงพยาบาลก็ยังปิดอีก
แถมพอจะขอหยุดไปโรงพยาบาล
หัวหน้ายังมาสั่งว่าจะหยุดไม่ได้เพราะสร้างกำหนดการไว้แล้วด้วย
ทั้งๆที่เราขอก่อนหน้าตั้ง 1 สัปดาห์
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อ เราไม่ไหวแน่ เลยตัดสินใจลาออก
----------------------------------------
หลังจากนั้นก็กลับจังหวัด Fukui และแต่งงานกับสามี
กลับไปอยู่บ้านเกิด ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสักพัก
เพื่อนของพ่อก็ชวนไปทำงานบริษัทรถยนต์
คราวนี้ทำงานเชื่อมรถขนขยะกับรถดูดส้วม
ซึ่งคราวนี้เราไม่บ่นแล้วว่าเป็นงานเชื่อม
และถึงเหม็นก็ไหว
เพราะมันดีกว่างานซ่อมบำรุงเยอะ
ซึ่งตัวเรานี่เปื้อนฉี่ทุกวัน
จนคนอื่นเห็นเราเป็นผู้หญิงประหลาด
------------------------------
แล้วเขาให้ค่ากับงานที่เราทำ
ถึงกับส่งเราไปงานแข่งชิงแชมป์
ช่างเชื่อมเหล็กระดับประเทศ
ปัญหาที่มีอยู่อย่าง คือมีหัวหน้าที่ชอบมากลั่นแกล้งเรา
คือเป็นพวกหัวโบราณ
ยอมไม่ได้ที่มีผู้หญิงมาทำงานนี้
ปี 2017 จังหวัดมีปัญหาพายุหิมะตกหนัก
มีรถค้างบนถนน 1500 กว่าคัน
และมีผู้เสียชีวิตจากปัญหา CO2 ด้วย
บริษัทจำนวนไม่น้อยเลยซื้อรถกวาดหิมะ
และให้พนักงานไปสอบเอาใบคุณสมบัติกัน
ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็ไม่อยากจะทำงานนี้กัน
แต่ฉันรู้สึกว่า
ถ้าต้องมาอยู่ในบริษัทแล้วเจออีหัวหน้านี่
ฉันขอออกไปกวาดหิมะยังจะดีเสียกว่า
เลยไปสอบ ได้ใบอนุญาตขับรถกวาดหิมะมาด้วย
แต่ปีหลังจากนั้นมา หิมะกลับไม่ตกเลย
แล้วเราก็ต้องมาทนกับการกลั่นแกล้งของหัวหน้าต่อ
จนแม้แต่ฝ่ายบริหารก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว
ประธานเลยเรียกตัวหัวหน้ามาคุยว่า
ถ้าคุณกลั่นแกล้งอีก เราจะหักเงินเดือนคุณ
แต่หัวหน้านี่
ขนาดโดนหักเงินเดือนแล้ว ก็ยังไม่หยุดแกล้งฉัน
ก็ไม่รู้ว่าจะดื้อดึงทำไปทำไม
จนถึงวันหนึ่ง เราทนไม่ไหวแล้ว
แล้วก็ลาออกมา
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
ถ้าเราใช้เงินของบริษัทไปสอบเอาใบคุณสมบัติ
เราจะต้องคืนเงินที่ใช้ไปกับการสอบนั้น
แต่เพราะมันมีปัญหาการกลั่นแกล้ง
บริษัทเลยปล่อยไป ไม่เรียกเงินคืน
---------------------------
หลังจากที่เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ
ก็ได้คุณสมบัติ Arc Welding กับใบขับรถ Forklift มา
แล้วเราก็รู้สึกว่า เราเหนื่อยกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานมาพอแล้ว
คือเราเป็นคนที่มีคนชอบมาก
แต่ก็มีคนที่เกลียดเราเข้าไส้เหมือนกัน
ซึ่งจริงๆแล้วก็เหมือนจะมีเหตุผล
คือเราอาจไปเหยียบต่อมอะไรใครเข้าแบบไม่รู้ตัวก็ได้
แล้วก็มาลังเลว่าจะเปิดกิจการเองดีหรือเปล่า
------------------------------------
ซึ่งตอนที่กำลังลังเลอยู่นั้น
ก็รับงานทาสีรถทัวร์มาก่อน
เป็นงานที่สุดสาหัสมาก
คือรถที่เขาเอามานั้นซอมซ่อสุดขีด
แล้วมาบอกให้ทาสีใหม่
ซึ่งเราก็ต้องมาทำเองคนเดียวทั้งหมด
คือตัวรถนั้นถูกทาสีทับมาหลายชั้นมาก
ทั้งสติ๊กเกอร์ สีสเปรย์ สีกันสนิม และอื่นๆ
แล้วเราต้องลอกมันออกมาทั้งหมด
เชื่อมเหล็กที่ชำรุดเข้าด้วยกัน
ทา Putty ซ่อมผิว แล้วค่อยทาสี
คือแค่รถคันเดียว ก็ต้องใช้เวลาทำถึงเดือนนึง
แถมพอคันนึงเสร็จ ก็มีมาให้ทำอีกคัน
แล้วก็มีมาอีกเรื่อยๆ จนงานมันไม่หมดสักที
เป็นงานระดับว่า
ถ้าคุณไม่ให้มาสักล้านเยน มันเป็นงานที่ไม่คุ้มเอาเลย
ซึ่งตอนแรกเขาสัญญาว่าจะให้ 8 แสน
แต่เพราะเราไม่ได้ทำหนังสืออะไรไว้
เขาเลยให้เรามาแค่ 3 แสน แล้วหนีไปติดต่อไม่ได้
คนรู้จักเลยปลอบว่า
ถือว่าเป็นค่าเล่าเรียนละกัน
ทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของ
หนังสือสัญญากับใบเรียกเก็บเงินขึ้นมาเลย
--------------------------------------
ตอนอายุ 24 ก็ตัดสินใจเปิดบริษัทขึ้นมา
โดยบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับซ่อมบำรุงรถส่วนใหญ่
จะมีอุปกรณ์สำหรับซ่อมบำรุงอย่างครับครัน
แต่เราไม่รับทำงานนั้นเลย
และเปิดเป็นบริษัทที่รับทำเฉพาะแก้ไขตกแต่งภายนอกอย่างเดียว
แต่ในทางกลับกัน
ก็มีมาตรการว่า เราไม่สนว่ารถของคุณเป็นรถประเภทไหน
จะมอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก รถก่อสร้าง
หรืออะไรก็เอามา
ขอแค่เป็นของมีเครื่องยนต์ติดเป็นพอ
--------------------
ซึ่งตอนแรกเราไม่มีโรงรถด้วยซ้ำ
งานแรกที่รับมาคือซ่อมประตูรถแบคโฮ
เราก็ถอดเอาประตูนั้นออก
เอาใส่รถบรรทุก
แล้วเอาไปซ่อมที่บ้านคุณย่า
คือที่บ้านคุณย่ามีพื้นที่ว่างอยู่
เราก็เอาประตูรถนั่นไปทุบตีซ่อมอยู่ตรงนั้น
แล้วก็รู้ตัวว่าเราควรจะมีโรงรถนะ
แล้วก็มาเช่าที่ๆเป็นสำนักงานอยู่ตอนนี้
-----------------------
ซึ่งถึงแม้ว่าการทำงานคนเดียวจะมีขีดจำกัด
อย่างงานซ่อมกันล้อรถเมล์
ที่เรามายกทำอะไรเองคนเดียวไม่ได้
แต่เราก็เข้มงวดกับการจะมาจ้างคนมาก
เพราะเราไม่เชื่อใจตัวเองว่า
เราจะสามารถรับผิดชอบชีวิตคนได้
ถ้าเราจะจ้าง
เราจะต้องมีงานให้เขามาตลอด
ไม่อย่างนั้น เราก็จะจ้างเขาไม่ได้
ก็เลยต้องยืมมือสามีมาช่วยกัน
--------------------------------------------
ซึ่งกิจการนี้
เป็นงานที่เราสร้างขึ้นมาจากการหนีมาจากที่อื่น
ทำให้เราไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเป็นพิเศษ
ว่าบริษัทนี้จะต้องเติบโตไปถึงไหน
ที่ทำอยู่ก็มีการเสนอให้ลูกค้าฟังว่า
ใช้วิธีไหนถึงจะทำได้ในราคาถูก
อย่างถ้าคุณไปให้ Dealer ทำ เขาก็จะเอาของใหม่ให้
แต่เราจะใช้ของมือสองที่คุณเอื้อมถึง
หรือไม่ก็ใช้วัตถุอื่นมาแทน
แล้วตอนนี้คนอื่นก็เริ่มรู้จักเราในฐานะ
ช่างเชื่อมแกล
มีคนที่ให้ค่าเรา
เพราะเป็นผู้หญิงที่ทำงานนี้
คนที่ชอบแกล
และคนที่ให้ค่ากับฝีมือและราคาที่คุ้มค่าของเรา
จนตอนนี้มีงานอื่นๆนอกจากงานเหล็กไหลเข้ามาเรื่อยๆ
มีงานพัฒนาออกแบบรองเท้านิรภัย
มีงานพัฒนาสินค้าจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่
มีบริษัทเสื้อผ้าให้เรามาเป็นแบบ
แล้วเราก็มาสงสัยว่า
จริงๆแล้วเราทำอาชีพอะไรกันอยู่เนี่ย
ซึ่งเราก็ยังรักงานเชื่อมอยู่
และอยากมาสร้างโรงงานสำหรับทำงานเชื่อมโดยเฉพาะเข้าสักวัน
แล้วจริงๆแล้วเรารักสัตว์มาก
มากกว่ารถอีก
มีสุนัข 2 แมว 1
เพราะเรารู้สึกว่า
การที่เราอยู่กับพวกเขาแล้ว
ทำให้เราทนความจนและการกลั่นแกล้งของผู้อื่นได้
อยากจะลองเปิดสวนสัตว์ดู
เพราะกรงสัตว์นะ เราเชื่อมเองได้นะ!
-------------------------------------------
勝倉ボデー
<== เผื่อใครอยากค้นชื่อบริษัท
粉すけ
<== ชื่อเจ้าตัว
Search